top of page

แบ่งปัน

WooCommerce และ E-commerce ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหนดี

รูปภาพนักเขียน: swiftweb1swiftweb1


หลายคนอาจสงสัยว่า WooCommerce กับ E-commerce ต่างกันอย่างไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกันให้ชัดๆกัน!

รู้จัก E-commerce ให้มากขึ้น E-commerce หรือการค้าออนไลน์ เป็นการทำธุรกิจผ่านอินเทอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • ขายของระหว่างธุรกิจด้วยกัน (B2B) เช่น โรงงานขายวัตถุดิบให้ร้านอาหาร

  • ขายให้ลูกค้าทั่วไป (B2C) แบบที่เราเห็นในช็อปปิ้งออนไลน์ทั่วไป

  • หรือแม้แต่คนทั่วไปขายของกันเอง (C2C) อย่างในตลาดนัดออนไลน์


ส่วน WooCommerce คืออะไร? ถ้าใครเคยใช้ WordPress คงรู้จัก WooCommerce ดี มันเป็นปลั๊กอินที่ช่วยให้เราสร้างร้านค้า ออนไลน์ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด เหมาะมากสำหรับร้านค้าเล็กๆ หรือคนที่อยากเริ่มขายของออนไลน์แบบไม่ยุ่งยาก


มาดูข้อดี-ข้อเสียของ E-commerce Platform และ WooCommerce กันก่อน


แล้วจะเลือกยังไงดี? มาดูปัจจัยที่ควรพิจารณากัน

1.งบประมาณ

  • น้อยกว่า 5,000/เดือน -> เลือก WooCommerce

  • มากกว่า 5,000/เดือน -> มองหา E-commerce Platform ดีๆ


2.ความรู้ด้านเทคนิค

  • พอได้บ้าง ชอบจัดการเอง -> WooCommerce เหมาะกับคุณ

  • ไม่มีเลย อยากให้คนดูแลให้ -> ไป E-commerce Platform


3.ปริมาณออเดอร์

  • น้อยกว่า 100 ชิ้น/วัน -> WooCommerce รับไหว

  • มากกว่า 100 ชิ้น/วัน -> ควรใช้ E-commerce Platform


4.ฟีเจอร์ที่ต้องการ

  • พื้นฐานเน้นขายของอย่างเดียว -> WooCommerce พอ

  • ต้องการระบบซับซ้อน -> เลือก E-commerce Platform ที่มีฟีเจอร์ครบ


ยกตัวอย่างธุรกิจให้เห็นภาพ



Amazon เป็น E-commerce ขนาดใหญ่ที่มีทั้งสินค้าของตัวเอง และเปิดให้คนมาขายด้วย

Alibaba เน้นเป็นตลาดกลางให้โรงงานมาเจอกับผู้ค้า

ส่วน WooCommerce มักเห็นในร้านเสื้อผ้าออนไลน์เล็กๆ หรือบล็อกเกอร์ที่ขายสินค้าของตัวเอง


สรุปง่ายๆ


  • เพิ่งเริ่ม งบน้อย อยากจัดการเองได้ -> ลอง WooCommerce

  • ธุรกิจใหญ่ ต้องการความเสถียร -> มองหาระบบ E-commerce ที่แข็งแรงกว่า

สุดท้ายนี้เลือกตามความเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ไม่มีอะไรถูกผิด แค่เลือกให้เหมาะกับความต้องการและการเติบโตใน อนาคต


ดู 11 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Commentaires


บทความแนะนำเพิ่มเติม

bottom of page